เมื่อเดือนมีนาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงต่อรัฐสภาถึงความสำคัญของโครงการก๊าซธรรมชาติในแหล่ง Alaska (Alaska LNG) ว่าเป็นหนึ่งในโครงการก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเกาหลีใต้รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่น ๆ ต่างให้ความสนใจ โดยสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมเฉพาะกิจเพื่อผลักดันโครงการนี้ ในระหว่างการประชุม Washington Summit ซึ่งนับเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการร่วมมือกันระหว่างสองประเทศ
เกาหลีใต้เป็นพันธมิตรที่สำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าพลังงานมากถึงร้อยละ 90 และเป็นผู้นำเข้า LNG มากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก โดยการเข้าร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการนำเข้าก๊าซจากโครงการ Alaska LNG นับเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงทางพลังงาน และการบรรลุเป้าหมายสภาพภูมิอากาศของเกาหลีใต้ รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้
ทั้งสองประเทศพัฒนาเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยก๊าซมีเทน การดักจับคาร์บอน และการผลิต LNG ที่สะอาดยิ่งขึ้น เป็นต้นทั้งนี้ ก๊าซจากโครงการ Alaska LNG จะถูกส่งผ่านท่อจากแหล่งสำรองขนาดใหญ่ใน North Slope ซึ่งมีศักยภาพประมาณ 35 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ไปบริเวณชายฝั่ง เพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคแปซิฟิก โดยเลี่ยงการผ่านเส้นทางเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์อย่างช่องแคบไต้หวัน ทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากรัสเซีย โดยการนำเข้าก๊าซจากสหรัฐฯ จะอยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้า
เสรีระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ และจะดำเนินการโดยบริษัทระดับโลกอย่าง KOGAS โดยมีบริษัทวิศวกรรมของเกาหลีใต้รับผิดชอบด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
Alaska Governor: Why the Alaska LNG Pipeline Matters for South Korea’s Energy Security | Opinion