ปริมาณการกลั่นน้ำมันของจีนในปี 2024 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี (ไม่นับรวมปี 2022 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19) เนื่องจากความต้องการใช้เชื้อเพลิงที่ซบเซาลง โดยกำไรที่ลดลง ส่งผลให้โรงกลั่นปรับลดกำลังการกลั่นน้ำมันลงด้วย โดยตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในปี 2024 ปริมาณการกลั่นน้ำมันลดลง 1.6% เหลืออยู่ที่ประมาณ 14.13 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าสถิติสูงสุดที่ 14.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2023
ทั้งนี้ สาเหตุหลักของความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง เกิดจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ และการส่งออกสินค้าที่ซบเซาลง ส่งผลให้การเดินเครื่องของ โรงกลั่นได้รับผลกระทบ โดยโรงกลั่นอิสระในมณฑลซานตง เดินเครื่องเพียง 54% ของกำลังการผลิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2016 ทำให้หลายโรงงานขาดทุนและบางแห่งต้องหยุดการผลิตน้ำมัน ถึงแม้ว่าจะนำเข้าน้ำมันดิบที่มีราคาถูกจากประเทศอิหร่านและประเทศรัสเซียแล้ว ก็ตาม โดยพบว่ามีการปิดโรงงานถาวรของ PetroChina Dalian และการปิดโรงงานไม่มีกำหนดของโรงกลั่นในเครือ Sinochem อีก 3 แห่ง
ในขณะเดียวกัน จีนกลับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศ 1.8% อยู่ที่ 4.24 ล้านบาร์เรล ต่อวัน ใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดในปี 2015 ส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 6.2% แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 246.4 พันล้านลูกบาศก์เมตร จากการขยายการผลิตในมณฑลเสฉวนและทะเลจีนใต้ โดยจะเห็นได้ว่าแม้ว่าปริมาณการกลั่นน้ำมันจะลดลงในปี 2024 แต่การผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติกลับเพิ่มขึ้นซึ่งสะท้อนให้เห็นความพยายามของจีนในการปรับตัวในภาวะตลาดพลังงานที่ซบเซา
แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
China refinery throughput in rare decline as EVs contribute to weakening demand | Reuters