หลังจากที่ญี่ปุ่นยุติการใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์จากเหตุการณ์ภัยพิบัติโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะเมื่อปี 2011 แต่ในปัจจุบันพบว่า ญี่ปุ่นมีความจำเป็นที่จะต้องลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงได้มีการพิจารณาค่อยๆ นำเชื้อเพลิงนิวเคลียร์กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่นการที่โรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะ ได้ก่อสร้างกำแพงกั้นสึนามิขึ้นใหม่เพื่อป้องกันเหตุภัยพิบัติ

          ด้าน Masaki Daito รองผู้อำนวยการของโรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะ เชื่อว่า อุบัติเหตุกรณีของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะสามารถหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากในตอนนี้ญี่ปุ่นมีมาตรฐานการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุดในโลก โดยโรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะที่มีขนาดประมาณ 400 เฮกตาร์ จึงมีกำแพงสูง 15 เมตร ซึ่งเป็นมาตรการที่จะป้องกันภัยพิบัติจากสึนามิ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวญี่ปุ่นและประเทศเพื่อนบ้าน

          นอกจากนี้ นอกเหนือจากกำแพงดังกล่าวแล้ว โรงไฟฟ้าคาชิวาซากิฯ ยังมีรถจ่ายไฟฟ้าสำรองบนพื้นที่สูง เพื่อรับประกันการมีไฟฟ้าใช้ในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว มีระบบการปั๊มน้ำหล่อเย็นสำหรับระบบผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมถึง มีแผงระบายแรงดันที่อาจเกิดจากการระเบิดและช่องระบายอากาศใหม่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อกรองอนุภาคกัมมันตรังสีได้ถึงร้อยละ 99.9 ตลอดจนการปรับปรุงและยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัย

          ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 46% ภายในปี 2030 จากระดับในปี 2013 อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนเป็นร้อยละ 36-38 จากประมาณร้อยละ 20 และลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเหลือร้อยละ 41 จากสัดส่วนราว 2 ใน 3 ในปัจจุบัน

แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

Japan shifting back to nuclear to ditch coal and power AI | thejapantimes