เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลังจากรัสเซียประกาศยิงขีปนาวุธใส่ยูเครนและการออกมาประกาศเตือนถึงความขัดแย้งที่อาจขยายวงกว้าง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่ตึงเครียด โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 74.37 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสล่วงหน้า (WTI) เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 70.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า สงครามในยูเครนกำลังขยายจนกลายเป็นความขัดแย้งระดับโลก โดยยูเครนได้โจมตีรัสเซียโดยขีปนาวุธที่ผลิตจากสหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งฝ่ายรัสเซียก็ได้ตอบโต้การโจมตีด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียงใหม่ไปยังศูนย์ปฏิบัติการของยูเครน พร้อมเตือนชาติตะวันตกว่า รัสเซียอาจตอบโต้ยูเครนในลักษณะอื่นๆ อีกในอนาคต
นอกจากนี้ แม้ว่ารัสเซียจะเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกแต่การผลิตน้ำมันยังคงลดลงหลังจากได้มีมาตรการคว่ำบาตรห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย เนื่องจากการรุกรานยูเครนและการควบคุมอุปทานของ OPEC+ ทำให้ในช่วงเดือนนี้ รัวเซียสามารถผลิตน้ำมันได้ประมาณ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะเดียวกัน จีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ประกาศมาตรการทางนโยบายเพื่อกระตุ้นการค้า รวมถึงการสนับสนุนการนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงด้านพลังงาน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
Oil prices settle up 1% at 2-week high as Ukraine war intensifies | Reuters