เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกว่า 1% เนื่องจากปัจจัยความขัดแย้งทาง ภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากการโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 02 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นราว 1.4% อยู่ที่ 72.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.7% อยู่ที่ 68.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านนักวิเคราะห์ต่างมองว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในซีเรียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันดิบและเพิ่มความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในอนาคต ถึงแม้ว่าซีเรียจะไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ แต่การเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองในซีเรียได้ก่อให้เกิดความ ตึงเครียดในภูมิภาคอาจแพร่ขยายไปยังดินแดนใกล้เคียงได้ โดยในเบื้องต้นพบว่า เรือขนส่งน้ำมันของอิหร่านที่เดินทางในน่านน้ำทะเลแดงไปยังซีเรียได้กลับลำและยกเลิกการเดินทางดังกล่าว
นอกจากนี้ จีนในฐานะผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ได้ส่งสัญญาณการเคลื่อนไหวเพื่อปรับตัวต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันดังกล่าว โดยการเพิ่มความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศ รวมถึงการดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น การเพิ่มเม็ดเงินเงินในตลาดการเงิน การลดอัตราดอกเบี้ย และการดำเนินมาตรการด้านการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น อย่างไร ก็ตาม การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนยังเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กำหนดเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ ไปจนถึงเดือนเมษายน 2568
แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
Oil rises over 1% on ouster of Syria’s Assad, Chinese monetary policy | Reuters