กระทรวงพลังงาน Ministry of Energy

          เมื่อวันอังคารที่ 2 ตุลาคม 2567 นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันมีข้อสังเกตว่า การที่อิสราเอลกำลังจะพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่านด้วยจรวดมิสซายน์ จะส่งผลให้เกิดภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อการจัดหาน้ำมันดิบของโลก โดยอิหร่านก็ได้ตอบโต้การสังหารผู้นำกลุ่มฮิจบัลเลาะห์ (Hassan Nasrallah) และผู้นำทางทหารของอิหร่านด้วยการยิงขีปนาวุธมิสซายน์ไปยังอิสราเอลเช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งสร้างความตึงเครียดให้กับสงครามตะวันออกกลางอย่างมาก

          โดยจากเหตุการณ์การโจมตีในอิหร่าน และการบุกโจมตีทางตอนใต้ของเลบานอนที่สังหารผู้นำทางทหารของอิหร่าน ทำให้อิหร่านลุกขึ้นมาตอบโต้ทางทหารอย่างแข็งกร้าว ถึงแม้ว่ามิสซายน์กว่า 200 ลูกจะถูกสกัดกั้นไว้ได้โดยฝ่ายอิสราเอลและกองกำลังของสหรัฐอเมริกา และยังไม่มีรายงานความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานของอิสราเอลก็ตาม ราคาน้ำมันได้พุ่งสูงขึ้นกว่าร้อยละ 5 ในช่วงของการโจมตี และลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 2 ในช่วงเวลาต่อมา โดยราคาน้ำมันดิบโลก Brent เพิ่มสูงขึ้น 44% อยู่ที่ 74.62 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI เพิ่มขึ้น 1.62% อยู่ที่ 70.95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

          ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการจัดหาน้ำมันของโลกในไม่ช้า จากเดิมที่เกิดสถานการณ์ความตึงเครียดจากสภาพภูมิศาสตร์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน มาจนถึงสงครามตะวันออกกลาง โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดพบว่า ปริมาณการจัดหาน้ำมันของโลกราวร้อยละ 4 ตกอยู่ในสภาวะ    ความเสี่ยงจากการสู้รบที่รุนแรงขึ้นในอิหร่าน รวมไปถึงความตึงเครียดจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไม่ช้านี้

แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

Oil watchers now see a real threat of supply disruptions after latest Iran-Israel escalation | CNBC

ข่าวล่าสุด