กระทรวงพลังงาน Ministry of Energy

          บทวิเคราะห์ของเวปไซต์ Forbes รายงานว่า แนวนโยบายของทรัมป์มุ่งเน้นไปที่การลดการพึ่งพาพลังงาน ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มกำลังการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งค่อนข้างสวนทางกับ พรบ.ลดอัตราเงินเฟ้อ หรือ IRA ของนายโจ ไบเดน ทั้งนี้ การที่ทรัมป์จะยกเลิก IRA อาจจะทำได้ยาก เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีคะแนนเสียงในวุฒิสภาไม่มากพอที่จะยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าว

          อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าทรัมป์จะปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณใน IRA เพื่อส่งเสริมการพัฒนาภาคพลังงานเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และยกเลิกการอุดหนุนหรือให้สิ่งจูงใจสำหรับพลังงานสะอาด ซึ่งหมายถึงทรัมป์จะให้ความสำคัญกับเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยไม่สร้างความได้เปรียบให้กับพลังงานสะอาดมากเกินไป และอาจจะลดงบประมาณในการให้เงินกู้สำหรับโครงการพลังงานสะอาดในบางรัฐ ซึ่งทรัมป์มองว่า การสนับสนุนทางการเงินดังกล่าวอาจส่งผลทางลบต่อการแข่งขันของตลาดพลังงาน และก่อให้เกิดภาระแก่ผู้ซื้อพลังงานและผู้จ่ายภาษี

          นอกจากนี้ หนึ่งในโครงการด้านพลังงานสะอาดที่ทรัมป์ไม่เห็นด้วยที่จะส่งเสริมคือพลังงานลมนอกชายฝั่ง เนื่องจากทรัมป์มองว่าเป็นโครงการที่มีต้นทุนสูงเกินไป ทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งต่าง ๆ อาจจะถูกระงับ เช่นเดียวกับในยุคของโจ ไบเดนที่ระงับโครงการสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน โดยทรัมป์น่าจะให้เหตุผลว่า โครงการพลังงานลมเหล่านี้อาจจะต้องรอให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากขึ้นในอนาคต

          ทั้งนี้ นโยบายการลดการสนับสนุนพลังงานสะอาดของทรัมป์อาจทำได้ไม่ง่ายนัก เนื่องจากยังมีพันธมิตรและผู้สนับสนุนทรัมป์ในหลายกลุ่มที่ยังคงมุ่งเน้นแนวทางการพัฒนาพลังงานสะอาด โดยในหลายรัฐที่เป็นฐานเสียงของรีพับลิกัน เช่น เนวาด้า เท็กซัส ไวโอมิ่ง เป็นรัฐที่ได้รับประโยชน์จาก IRA เป็นอย่างมาก โดยมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับ EV และโครงการ CCUS ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก IRA นอกจากนี้ พันธมิตรของทรัมป์อย่าง Elon Musk ที่เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ของทรัมป์ก็ยังดำเนินธุรกิจด้านพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย

แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

President -Elect Trump seeks level playing field in energy policy | Forbes

ข่าวล่าสุด