เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา กาตาร์ประกาศว่าจะหยุดส่งก๊าซไปยังสหภาพยุโรปหากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ที่เข้มงวดเกี่ยวกับการใช้แรงงานและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยนาย Saad al-Kaabi รัฐมนตรีพลังงานของกาตาร์กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Financial Times ถึงกฎหมายของสหภาพยุโรป คือ “Corporate Sustainability Due Diligence Directive” ที่ได้รับการอนุมัติในปี 2567 ซึ่งกำหนดให้บริษัทใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในสหภาพยุโรปต้องตรวจสอบกระบวนการผลิตของตนว่า บังคับใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมายหรือทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และหากพบต้องดำเนินการแก้ไขทันที ซึ่งบทลงโทษจะเป็นค่าปรับสูงสุดถึง 5% ของรายได้รวม

          อย่างไรก็ตาม นาย Saad al-Kaabi ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หากต้องสูญเสียรายได้ถึง 5% จากการทำธุรกิจในยุโรป เขาจะตัดสินใจยุติการทำธุรกิจในยุโรปเพราะรายได้ 5% ของ QatarEnergy ก็หมายถึงรายได้ 5% ของรัฐกาตาร์ ซึ่งเป็นเงินรายได้ของประชาชน และไม่สามารถยอมรับการสูญเสียเงินรายได้ของการทำธุรกิจในลักษณะนี้ได้ และยังเรียกร้องให้สหภาพยุโรปทบทวนกฎหมายนี้อย่างละเอียด

          นอกจากนี้ ในฐานะที่กาตาร์เป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รายใหญ่ที่สุดของโลก อยู่ระหว่างแสวงหาโอกาสในการขยายบทบาททางธุรกิจก๊าซในเอเชียและยุโรป และไม่มีความกังวลเกี่ยวกับคู่แข่งขัน คือ สหรัฐอเมริกาที่มีนโยบายใหม่ของทรัมป์ในการขยายการเป็นผู้ส่งออก LNG รายใหญ่เช่นกัน ทั้งนี้ กาตาร์มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิต LNG จาก 77 ล้านตันเป็น 142 ล้านตันต่อปีภายในปี 2570

แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

Qatar vows to stop EU gas sales if fined under due diligence law, FT reports | Reuters