กระทรวงพลังงาน Ministry of Energy

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 สหประชาชาติ (UN) จะสรุปให้สมาชิกทราบถึงการตัดงบประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 17 จากงบประมาณ 3.7 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงการเลิกจ้างพนักงาน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยปี 2567 UN ประสบปัญหาขาดแคลนเงินสดถึง 200 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะใช้จ่ายเพียงร้อยละ 90 ของงบประมาณที่วางไว้ก็ตาม แต่ในปี 2568นี้สถานการณ์จะเลวร้ายกว่านั้นมาก ข้อมูลจำลองภายในของ UN คาดการณ์ว่า หากไม่มีการตัดงบประมาณ การขาดแคลนเงินสดในช่วงปลายปีอาจพุ่งขึ้นถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ ทำให้องค์การไม่มีเงินพอจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างแก่ซัพพลายเออร์ภายในเดือนกันยายน 2568 นี้

ซึ่งแหล่งเงินทุนของ UN ส่วนใหญ่ เช่น หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารหรือที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัย ที่เป็นการบริจาคโดยสมัครใจ แต่แหล่งเงินทุนหลักนั้นได้รับเงินสนับสนุนผ่านค่าบำรุงที่สมาชิกแต่ละประเทศต้องจ่ายตามขนาดเศรษฐกิจของตน โดยปัญหาคือ การที่บางประเทศสมาชิกจ่ายค่าบำรุงล่าช้า หรือไม่จ่าย อีกทั้งหลายประเทศกลับจ่ายค่าบำรุงช้าลงเรื่อย ๆ โดยในปี 2567 มีการจ่ายเงินค่าสมาชิกเพียงร้อยละ 15 ของงบประมาณเท่านั้น ทั้งนี้ มีประเทศสมาชิกค้างชำระจำนวนมากถึง 760 ล้านดอลลาร์ และมีเพียง 49 ประเทศที่จ่ายเงินได้ตรงเวลา 

ทั้งนี้ มาตรการลดค่าใช้จ่ายมีตั้งแต่เรื่องทั่วไป เช่น การตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 26°C  ในเจนีวาช่วงหน้าร้อน ไปจนถึงเรื่องสำคัญอย่างการชะลอการสอบสวนอาชญากรรมร้ายแรงในซูดานและยูเครน นอกจากการลดค่าใช้จ่ายแล้ว UN ยังบริหารรายได้ที่ไม่แน่นอนโดยใช้เงินสำรองและเงินคงเหลือจากงบที่มีอยู่ แต่อย่างไรก็ตามยอดค้างชำระในปี 2024 สูงกว่าระดับที่ UN จะสามารถรับมือได้
ทำให้เงินสำรองที่มีนั้นใกล้จะหมดลงทุกวัน 

ปัจจุบัน สหรัฐฯ และจีนต่างก็มีส่วนร่วมในงบประมาณประจำปีของ UN ประเทศละประมาณร้อยละ 20 แต่ทั้งสองประเทศกลับกลายเป็นผู้สนับสนุนที่ไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป ยูจีน เฉิน จากศูนย์ความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ระบุว่าสหรัฐฯ มักจ่ายล่าช้ามาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทรัมป์ครั้งแรก และไม่เพียงแค่จ่ายช้า แต่ยังไม่จ่ายเต็มจำนวนอีกด้วย ส่วนทางด้านจีนนั้นจ่ายช้าลงเช่นกัน โดยในปี 2567 ชำระก่อน 4 วันก่อนปิดปีงบประมาณ

แหล่งอ้างอิงของข่าว / อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

The UN could run out of cash within months | Economist

ข่าวล่าสุด